รายละเอียด:
พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ' ปี 2530 เฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 5 รอบนักษัตร
สำหรับใบ “สูจิบัตร” เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนบูชา “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” ได้ระบุว่า “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” วัดบวรนิเวศวิหารจัดสร้างโดยกรรมวิธีเททองหล่อแบบ “โบราณของไทย” ที่สืบทอดกันมาถึงปัจจุบันและทำพิธีเททองหล่อพระทั้งหมดใน วัดบวรนิเวศวิหาร รวมทั้งตกแต่งองค์พระทั้งหมดที่ วัดบวรนิเวศวิหาร เช่นกันภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดของ “คณะกรรมการ” ซึ่งในเบื้องแรกที่ทำการตกแต่งมิได้ “ขัดผิวองค์พระกริ่ง” คือคงสภาพผิวองค์พระไว้ตามสภาพเดิมที่เททองหล่อพระเสร็จแล้ว ดังนั้นผิวองค์พระตามธรรมชาติจึงมีจำนวนหนึ่งที่ “ผิวไม่เรียบ” จึงต้องให้ช่างทำการตกแต่งขัดผิวองค์พระใหม่อีกครั้งเท่านั้นโดยมิได้มีการ “หล่อพระเสริม” เพิ่มเติมแต่อย่างใดทั้งสิ้น
จากถ้อยคำที่ระบุไว้อย่างชัดเจนในใบสูจิบัตรดังกล่าวจึงเป็นคำยืนยันอย่างดีของ วัดบวรนิเวศวิหาร ถึงการจัดสร้างพระที่หล่อขึ้นมาทั้งหมดโดยประกอบพิธีการจัดสร้างด้วยพิธีเสด็จพระราชดำเนินทรงเททองหล่อเป็น “ปฐมฤกษ์” หลังจากนั้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ จึงจัดพิธีเททองหล่อพระเพื่อให้ครบตามจำนวนเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๒๙ โดยต้องใช้เวลาถึง ๙ วัน จึงได้พระครบ ตามจำนวนและหลังจากผ่านพิธีพุทธาภิเษกจึงเปิด ให้ประชาชนที่สนใจบูชาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐
ดังได้กล่าวมาแล้ว แต่เนื่องจากการเปิดให้บูชาในครั้งแรกนั้น วัดบวรนิเวศวิหาร ไม่ได้ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ใด ๆ จะมีก็เพียง “สูจิบัตร” ที่บันทึกรายละเอียดการจัดสร้างดังกล่าวข้างต้นที่มอบให้พร้อมกับองค์พระ ประกอบกับในปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้มีการกำหนดราคาค่าบูชาชุดละ “๕,๐๐๐ บาท” (พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์) ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ “ค่อนข้างสูง” สำหรับการสร้าง “พระใหม่” ในขณะนั้นด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีพระเหลือเป็นจำนวนมากเพราะราคาเช่าบูชา “ค่อนข้างสูง” นั่นเองเลยเป็นเหตุให้พวกปากอัปมงคลกล่าวหาว่า วัดบวรนิเวศฯ ทำการหล่อเสริมขึ้นทุกปีเป็นเหตุให้ผู้ไม่ทราบความจริงเกิดการสับสนดังนั้นในช่วงแรกที่เปิดให้บูชา “พระกริ่ง” รุ่นนี้จึงไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรทั้งที่เป็น “พระกริ่งสุดยอดเยี่ยม” ในทุกเรื่องทั้ง “เจตนาการสร้าง” พร้อม
“เนื้อหามวลสาร” และ “พิธีการปลุกเสก”
ผู้เขียนจึงขอยืนยันอีกครั้งว่า “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ ปี ๒๕๓๐” ที่สร้างครั้งนี้ไม่มีการ “หล่อเสริม” แต่อย่างใดทั้งสิ้นเพราะเรื่องการขอ “พระราชทานพระบรมราชานุญาต” ในการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น “สำคัญ” อย่าง “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ ปี ๒๕๓๐” ที่มีการระบุจำนวนไว้ชัดเจนแล้วและพอ “พระหมด” ไม่ว่าจะจากการให้บูชาหรือ
“จ่ายแจก” แล้วจะมาทำการ “สร้างเสริม” เพิ่มเติมภายหลังโดยไม่ทำการขอ “พระบรมราชานุญาต” นั้นถือเป็นความผิด “อาญาแผ่นดิน” จึงไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาเล่นกันสนุกตามที่พวกปากอัปมงคลกล่าวหาไว้จึง ขอให้ทุกท่านที่ “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” เข้าใจตามเหตุตามผลที่ยกมากล่าวนี้
ดังนั้น “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ ปี ๒๕๓๐” หรือรุ่น “๕ รอบนักษัตร” จึงนับเป็นพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ที่ทรงคุณค่ายิ่งซึ่งแม้ปัจจุบัน “มูลค่าความนิยม” จะลดลงตามสภาวะของเศรษฐกิจและการเมืองรวมทั้งภาวะอื่น ๆ อีกหลาย ๆ ภาวะที่เป็นปัจจัยให้ “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ ๕ รอบนักษัตร” ที่เคยได้รับความนิยมสูงสุดก่อนจะมีการ “ปฏิวัติรัฐประหาร” ยึดอำนาจการปกครองในปี ๒๕๔๙ ดังเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วแต่ “ผู้เขียน” กลับถือว่าเป็น “เรื่องดี” เสียอีกเพราะนับเป็นโอกาสดีของนักนิยมสะสมพระเครื่อง ตลอดทั้งผู้ที่ศรัทธาในพระบารมีพระมหากรุณา ธิคุณของล้นเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช จะได้มีโอกาสได้ครอบครอง
“พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” รุ่นนี้ในมูลค่าการสะสม ที่ไม่แพงจน “เกินความเป็นจริง” เนื่องจากก่อนหน้านี้ราคาได้พุ่งทะลุสูงกว่าราคาเดิม “กว่าสิบเท่าตัว” ในองค์สภาพ “พอสวย” แต่หากเป็นองค์ที่ “สภาพสวยเดิม ๆ” แล้วมีการกำหนดราคาสูงกว่าราคาเดิม “กว่ายี่สิบเท่าตัว” ก็มีมาแล้วฉะนั้นเมื่อช่วงนี้ราคาลดลงไปตามภาวะดังกล่าวข้างต้น จึงเหมาะมากที่จะหามาบูชาเพราะราคาในปัจจุบันก็เปรียบได้ดั่งในยุคที่ประเทศไทยอยู่ในช่วง “ฟองสบู่ยังไม่แตก” บ้านเรือนที่อยู่อาศัยที่เป็น “อสังหาริมทรัพย์” ในรูปของ “บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด, ทาวน์เฮาส์, ที่ดินเปล่า, ตึกแถว, คอนโดมิเนียม ฯลฯ” ราคาการซื้อขายแสน “แพงระยับ” ชนิดคนจนไม่มีสิทธิที่จะหยิบจะจับ จะซื้อแม้ว่าเป็นการซื้อด้วยระบบ “เงินผ่อน” ก็ตามอยากได้ก็หมดทางซื้อและต่อมาเมื่อประเทศไทยตกอยู่ในช่วง “ฟองสบู่แตก” ราคาการซื้อการขายบ้านที่ดินสำหรับอยู่อาศัยที่เป็น “อสังหาริมทรัพย์” ทุกชนิดเหล่านั้นต่างราคา “ตกวูบวาบ” กลายเป็น “ของดีราคาถูก” ผู้ที่มีเงินน้อยมีโอกาสได้มีบ้านหลังดีหลังงามหลังใหญ่กับเขาบ้างฉันใดก็ฉันนั้น “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” รุ่น “๕ รอบนักษัตร” ซึ่งเป็นวัตถุมงคลชั้นดีอุดมด้วยสิริมงคลอย่างสูงสุดเมื่อมูลค่าการสะสม (ราคา) ลดลงจึงเหมาะกับผู้ต้องการที่จะหามาบูชาเพราะ “พระพุทธคุณ” และความเป็น “สิริมงคล” มิได้ลดน้อยถอยลงแต่ประการใด
เพราะ “พระกริ่งปวเรศ” รุ่นนี้มีการบรรจุ “ผงจิตรลดา” และ “เส้นพระเจ้า” จึงถือเป็น “วัตถุมงคล” ระดับมงคลสูงสุดที่จะหาที่ใด “ในโลกนี้” ไม่มีอีกแล้วอีกทั้งเป็น “พระกริ่ง” ที่มีคุณลักษณะพิเศษเป็นเอกไม่เหมือนใครโดยเฉพาะเส้นพระเจ้าพระราชทานให้อัญเชิญมาบรรจุในองค์ “พระกริ่งปวเรศ” นี้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่
อันหาที่สุดมิได้ที่ “พระองค์” พระราชทานให้กับ “พสกนิกรของพระองค์” หากจะเปรียบกับยุคสมัยก่อน ลูกผู้ชายชาติทหารหาญ เวลาจะออกรบทำศึกสงคราม “ปกป้องผืนปฐพี” ก็มักจะหาเครื่องรางของขลังต่าง ๆ เป็นเครื่องป้องกันตัวเป็น “ขวัญและ กำลังใจ” เมื่อหาอะไรไม่ได้ก็ขอ “เส้นผมคุณพ่อ-คุณแม่” หรือ “ฟันคุณพ่อ-คุณแม่” และ “เล็บ คุณพ่อ-คุณแม่” แม้กระทั่ง “ชายผ้าถุงคุณแม่ ชายผ้านุ่งคุณพ่อ” มาเป็น “เครื่องรางของขลัง” อันศักดิ์สิทธิ์และประเสริฐสุดเพื่อ “ปกป้องคุ้มครองภัย” และ “เป็นขวัญกำลังใจ” กับการต่อสู้ปกป้อง ผืนแผ่นดินเกิด
ฉันใดก็ฉันนั้น “เส้นพระเจ้า” ก็ดุจเดียวกันประการสำคัญเป็นเส้นพระเจ้าของ “พ่อแห่งแผ่นดิน” ที่คนไทยทุกผู้ทุกหมู่เหล่าและทุกเชื้อชาติศาสนาต่างรักและเทิดทูน “พระองค์” เหนือสิ่งอื่นใดผู้เขียนจึงมั่นใจที่จะสรุปได้ว่านับตั้งแต่ประเทศไทยเรามีการจัดสร้าง “พระกริ่ง” ขึ้นมามากมายนับ “พัน ๆ รุ่น” รวมทั้งในอนาคตหากจะมีการสร้างให้ได้อย่าง “พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ปวเรศ” รุ่น “๕รอบนักษัตร” นี้บอกได้คำเดียวว่า “ไม่มีอีกแล้ว”.
อดุลย์นันท์ทัต กิจไชยพร